วันจันทร์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2553
"สั้นๆแต่...ซึ้งได้ใจจิงๆ..."
..............."ในดึกคืนหนึ่งที่ฝนตกฟ้าคะนองขนาดหนักมากและคุณกำลังขับรถกลับบ้าน ขณะที่ขับผ่านป้ายรถเมล์ป้ายหนึ่ง คุณพบคนสามคนกำลังรอให้ฝนหยุดเพราะดึกเกินกว่าจะมีรถเมล์วิ่งแล้ว...
....คนสามคนนั้นคือ
1. หญิงชราที่กำลังป่วยและต้องการการรักษาด่วน
มิฉะนั้นเธออาจจะตายได้
2. หมอซึ่งครั้งหนึ่งเคยช่วยชีวิตคุณไว้
3. ผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งเป็นแฟนของคุณและคุณรักเขามากขนาดจะแต่งงานกับเขาให้ได้
คำถามมีอยู่ว่า รถคุณเป็นแบบนั่งได้แค่สองคน
ดังนั้นคุณจะรับคนไปด้วยได้อีกแค่คนเดียว
คุณจะรับใครไปด้วย และให้เหตุผลที่ตัดสินใจอย่างนั้น??
....ลองคิดดูสิว่าถ้าเราเป็นคนตอบคำถามข้อนี้
เราจะตอบว่ายังไง แล้วเทียบกับเหตุผลข้างล่าง
เอาล่ะ
....ลองดูเหตุผลของคำตอบแต่ละแบบแล้วเทียบกับเหตุผลของคุณ เนื่องจากแต่ละข้อก็มีเหตุผลที่เหมาะสมในตัวของมันเอง
เหตุผลข้างล่างนี้
เป็นเหตุผลของคนเกือบทุกคน
1. ถ้าคุณตอบว่ารับคนแก่ เหตุผลก็เพราะเขากำลังจะตาย ถ้าคุณรับไปก็เท่ากับช่วยชีวิตคนได้
2. ถ้าคุณตอบว่ารับหมอ เหตุผลก็เพราะเขามีบุณคุณกับคุณ และนี่คือเวลาที่จะตอบแทนได้บางส่วน
3. ถ้าคุณตอบว่ารับแฟนคุณ เหตุผลก็เพราะ เขาเป็นคนที่คุณรัก
คิดว่าตรงแค่ไหนล่ะ? แต่ผู้ที่บริษัทนั้นรับเข้าทำงานเป็นผู้เดียวที่ตอบอีกแบบนึง...ให้คิดอีกที
เขาตอบว่า ...
"เขาจะให้กุญแจรถกับหมอ
ให้หมอพาคนแก่ไปโรงพยาบาล
และเขาก็จะอยู่ที่ป้ายรถเมล์นั้น กับคนที่เขารัก"
เป็นไง ประหลาดใจกับคำตอบใช่ไหม?
และคิดว่ามันเป็นคำตอบที่ดีมากใช่ไหม?
ข้อคิดของเรื่องนี้คือ
"คน เรามักจะยึดติดและไม่ยอมปล่อยผลประโยชน์ตรงหน้า (กุญแจรถ และการกลับบ้าน) ทำให้เรามองอะไร ด้วยมุมมองที่แคบลง จะเห็นว่าการมอบกุญแจรถให้หมอ นอกจากจะได้ตอบแทนบุญคุณ (หมอก็คงไม่ยึดรถไปเป็นของตัวเองหรอก ภายหลังก็เอามาคืน)
เรายังได้ช่วยชีวิตหญิงชรา แถมได้อยู่กับคนที่เรารัก แบบสองต่อสอง เรียกได้ว่าเสียไปแค่ไม่ได้กลับบ้านในตอนนั้น! แต่เราบรรลุวัตถุประสงค์ใหญ่อีกหลายอย่างได้ คุณล่ะ คิดว่าคุณมีมุมมองที่กว้างหรือแคบและยึดติดกับผลประโยชน์ต่าง ๆ แค่ไหน...."
วันพุธที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2553
วันอังคารที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2553
คำคมดีๆ กับภาพสวยๆ
12 วิธีทำดีถวายในหลวง
2. ตามรอยพ่ออย่างพอเพียง
3. ทำดีและหใ้ความรักความปรารถนาดีแก่ผู้อื่น โดยเริ่มจากครอบครัวและคนใกล้ตัว
4. เริ่มต้นที่กายใจแข็งแรง ดูแลตนเองให้ดีเพื่อจุดเิริ่มในการทำความดีต่อๆ ไป
5. ทำใจให้เป็นสุข ลด ละ เลิกอบายมุขและสิ่งเสพติด
6. ปลูกต้นไม้ถวายเป็นพระราชกุศล ลดภาวะโลกร้อน
7. เมตตามีน้ำใจ เป็นผู้ให้มากกว่าผู้รับ
8. ประหยัดอดออม ใช้จ่ายแต่พอดี
9. ร่วมแบ่งปันและถ่ายทอดความดีแก่กัน
10. มีจิตอาสา ช่วยเหลือสังคมและส่วนรวม
11. สืบสานวัฒนธรรมไทย
12. กตัญญูต่อแ่ผ่นดิน ร่วมกันคนละไม้คนละมือพัฒนาประเทศชาติ
You'll never walk alone.
When you walk through a storm,
Hold your head up high,
And don't be afraid of the dark.
At the end of a storm,
There's a golden sky,
And the sweet silver song of a lark.
Walk on through the wind,
Walk on through the rain,
Though your dreams be tossed and blown..
Walk on, walk on, with hope in your heart,
And you'll never walk alone.
You'll never walk alone.
Walk on, walk on, with hope in your heart,
And you'll never walk alone.
You'll never walk alone.
ยามใดที่คุณได้เดินฝ่าพายุร้าย
จงภูมิใจในสิ่งที่คุณได้ฝ่าฝันจนผ่านพ้นมา
และอย่าได้หวาดกลัวกับความมืดมน
เมื่อพายุนั้นได้ผ่านพ้นไป
จะมีท้องฟ้าทอแสงสว่างสดใส
และมีท่วงทำนองอันแสนหวานที่ขับขานจากนกลาร์ค
ก้าวเดินต่อไปฝ่าสายลมแรง
ก้าวเดินต่อไปแม้สายฝนโหมกระหน่ำ
แม้ว่าความฝันของคุณจะถูกทำร้ายจนแทบสิ้นกำลัง
ก้าวเดินต่อไป ก้าวเดินต่อไป ด้วยความหวังเต็มเปี่ยมภายในใจ
และคุณจะไม่มีวันเดินเดียวดาย
คุณจะจะไม่มีวันเดินเดียวดาย
และคุณจะไม่มีวันเดินเดียวดาย
คุณจะจะไม่มีวันเดินเดียวดาย
Whatever Will Be, Will Be
When I was just a little girl
เมื่อฉันยังเป็นเด็กน้อย
I asked my mother what will I be
ฉันถามแม่ว่าอนาคตฉันจะเป็นอะไร
Will I be pretty, will I be rich
"หนูจะสวยไหม หนูจะรวยไหม"
Here's what she said to me
แม่ก็บอกฉันว่า
*Que sera, sera
สิ่งใดจะเกิดมันก็ต้องเกิด
Whatever will be, will be
อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด
The future's not ours to see
เราไม่อาจหยั่งรู้อนาคตได้
Que sera, sera
สิ่งใดจะเกิดมันก็ต้องเกิด
What will be, will be
อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด
When I grew up and fell in love
เมื่อฉันโตขึ้นและมีความรัก
I asked my sweetheart what lies ahead
ฉันถามที่รักของฉันว่าอนาคตของเราจะเป็นอย่างไร
Will we have rainbows day after day
"เราจะมีความสุขด้วยกันตลอดไปไหม"
Here's what my sweetheart said
สิ่งที่คนรักของฉันบอกก็คือ
*Que sera, sera
สิ่งใดจะเกิดมันก็ต้องเกิด
Whatever will be, will be
อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด
The future's not ours to see
เราไม่อาจหยั่งรู้อนาคตได้
Que sera, sera
สิ่งใดจะเกิดมันก็ต้องเกิด
What will be, will be
อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด
Now I have children of my own
ตอนนี้ฉันมีลูกเป็นของตัวเองแล้ว
They asked their mother what will I be
พวกเขาถามแม่ของเขาว่าโตขึ้นเขาจะเป็นอะไร
Will I be handsome, will I be rich
"ผมจะหล่อไหม ผมจะรวยไหม"
I tell them tenderly
ฉันก็ตอบพวกเขาอย่างอ่อนโยนว่า
*Que sera, sera
สิ่งใดจะเกิดมันก็ต้องเกิด
Whatever will be, will be
อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด
The future's not ours to see
เราไม่อาจหยั่งรู้อนาคตได้
Que sera, sera
สิ่งใดจะเกิดมันก็ต้องเกิด
What will be, will be
อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด
"คำอธิษฐานเวลาทำบุญ"
ขอบุญนี้จงเป็นปัจจัยให้ข้าพเจ้า ......พ้นจากสภาวะการณ์คับขันและเลวร้าย ให้อยู่รอดปลอดภัย มิพบกับความยากลำบาก ณ ปัจจุบัน ... แลอนาคต หากไม่ถึงเพียงใด ขอให้คำว่าไม่มีไม่รู้ในสิ่งที่ดี จงอย่าได้ปรากฎแก่ข้าพเจ้า
ขอให้ ......หน้าที่การงานที่ข้าพเจ้ากระทำอยู่ ให้ได้กระทำได้สำเร็จ....อย่างมั่นคง
ขอพระจงเป็นสักขีพยานในการ .........อธิษฐานจิต...............ของข้าพเจ้าในครั้งนี้ด้วยเทอญ
ค ว า ม สุ ข ซ่ อ น ไ ว้ ที่ ไ ห น ?
มีมารน้อย 3 ตน แอบมาขโมยความสุขของมนุษย์
เอาไปแล้วก็ปรึกษากันว่าจะเอาไปซ่อนที่ไหนดี
ตนแรกก็ว่า ควรเอาไปซ่อนที่ภูเขาที่สูงที่สุดในโลก
แต่มารน้อยตนที่2ว่า เพื่อนเอ๋ย มนุษย์นั้น ไม่กลัวความสูง แต่กลัวหายใจไม่ออก
เพราะสังเกตได้ว่า ดำน้ำได้นิดเดียวก็ทะลึ่งพรวดขึ้นมาแล้ว เพราะกลัวหายใจไม่ออก
แต่บนภูเขาอากาศดี มนุษย์ชอบไปเที่ยวภูเขา เอาไปซ่อนไว้ใต้บาดาลดีกว่า
มารน้อยตนที่3 แย้งว่า อย่าเลยเพื่อนเอ๋ย มนุษย์มันเก่ง
สร้างเครื่องมือหาของในทะเล ในอากาศได้ เดี๋ยวมันก็หาเจอ
แต่สังเกตได้ว่า นัยน์ตามนุษย์มองไปข้างนอก หูก็ชอบฟังเสียงข้างนอก ชอบไปเที่ยวข้างนอก
เราควรแอบเอาไปซ่อนไว้ในใจมันดีกว่า มนุษย์หาไม่เจอแน่ ๆ
เพราะว่ามนุษย์ชอบหาความผิดของคนอื่น ไม่ชอบขัดใจตัวเอง
ไม่ชอบดูจิตใจของตัวเอง มารน้อยทั้ง 3 ตน ก็ตกลงความเห็นเป็นเช่นเดียวกัน
ตั้งแต่นั้นมา มารน้อยก็เอาความสุขของมนุษย์มาซ่อนไว้ที่ใจ
มนุษย์ผู้โง่เขลาจึงออกไปหาความสุขที่อื่น ที่ภูเขา ที่ชายทะเล ที่คลับ ที่ร้องเพลง
จึงหาความสุขไม่พบ ต้องออกไปข้างนอกหาความสุขในที่ผิด ๆ ตลอดมา
อนึ่งคนที่ไปเที่ยวเธคเที่ยวคลับกินเหล้า เพราะว่าเขามีทุกข์
จึงต้องออกไปหาความสุขมากลบเกลื่อน มาเฉลี่ยเพื่อให้ทุกข์นั้นน้อยลง
แต่พอเมาแล้วกลับบ้าน หายเมาตื่นเช้ามา ทุกข์นั้นก็ยังคงมีอยู่เหมือนเดิม
โดยหารู้ไม่ว่าความสุขที่เฝ้าติดตามเฝ้าหา อยู่ที่ใจตัวเองนั่นเอง
ใยต้องออกไปหาความสุขที่อื่น ...ต่อให้หาเท่าไหร่
แต่ใจยังร้อนรุ่ม ไม่สงบ ก็หาสุขนั้นไม่พบหรอก...
ความสุขหาได้จากที่ไหนบ้าง
บางคนมีเงินมีทองมากมาย แต่หัวใจไม่มีความสุข
รุ่มร้อน..ทุรนทุราย แท้จริงแล้วความสุขหาได้จากทุกหนทุกแห่ง
จากดอกไม้เล็กๆ ข้างทาง
จากสายลมเย็นที่นำมาซึ่งความชุ่มฉ่ำใจ
จากรอยยิ้มจริงใจจากคนรอบข้าง
ความสุขหาได้ง่ายๆ เพียงแต่เลิกกำหนดตัวเองว่า
อย่างนี้คือสุข อย่างนั้นคือสุข
ความสุขเริ่มต้นเมื่อใจเป็นสุข...
คำคมจากหนังดัง
"การเสียสละมีค่ายิ่งกว่าการเป็นฮีโร่"
Star Wars 3
"ความกลัวที่จะสูญเสีย...เป็นหนทางนำไปสู่ด้านมืด"
"May the force be with you. ขอพลังจงสถิตแด่เจ้า"
APOLLO 13
"ความฝัน ถ้ายังไม่สามารถทำให้เป็นความจริงได้ ก็คือความฝันวันยังค่ำ"
One Fine Spring Day
"ผู้หญิงก็เหมือนรถเมล์ ถ้าเลยเราไปแล้วก็ไม่มีวันที่จะกลับมารับเราอีก"
My Girl&I
"ฉันเกิดก่อนเธอ หมายความว่าฉันได้มารอเธอในชาตินี้ก่อน และ ฉันจากไปก่อนเธอเพื่อไปรอเธอในชาติหน้าต่อไป แต่เธอไม่ต้องรีบมาหรอก ใช้ชีวิตในชาตินี้ก่อนตามเท่าที่เธอต้องการ แล้วฉันจะรอเธอ"
Love never meant to say you are sorry
"หากคิดจะรัก ต้องลืมคำว่าเสียใจ"
The Claassic
"บางครั้งชีวิตก็เจ็บปวด จงพยายามคุ้นเคยกับมัน"
Gangs of New York
"อดีตคือไฟฉายที่คอยส่องทางให้กับเรา"
Frailty
"บางครั้งความจริงก็อยู่ตรงข้ามเหตุผล"
The Matrix
"มีความแตกต่างระหว่างการรู้หนทางที่จะเดิน และการเดินบนหนทางนั้น"
Tranformers
"ไม่เสียสละ ชัยชนะไม่เกิด"
Strange Days
" ความทรงจำต่างๆย่อมมีการลบเลือนไปตามกาลเวลา มันถูกออกแบบมาให้เป็นอย่างนี้ด้วยเหตุผลบางอย่าง"
Good will hunting
"คุณจะรู้สึกสูญเสียจริงๆ ก็ต่อเมื่อคุณสูญเสียใครสักคน ที่คุณรักมากกว่ารักตัวคุณเอง"
Step Mom
"คนทุกคนสามารถผิดพลาดกันได้ คุณควรที่จะยอมให้อภัย"
Body shots
"ความรักทำให้คนเจ็บปวด แต่ความเจ็บปวดนั่นแหละคือสิ่งที่บอกคุณว่ายังมีชีวิตอยู่"
Mean girls
" การที่เราว่าคนอื่นโง่ ไม่ได้ทำให้เราฉลาดขึ้น "
Ocean 13
"เจอกันเมื่อเจอกัน"
วันจันทร์ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2553
"แม่"
สมัยนั้นยังไม่มีสถานสงเคราะห์คนชรา จึงไม่รู้ว่าจะเอาแม่ไปฝากใครให้เลี้ยงแทน
ชายหนุ่มจึงตัดสินใจแบกเอาไปปล่อยป่าให้อยู่ตามยถากรรม
... ระหว่างทาง แม่ไม่วอนขอ ไม่ถามไม่ว่าอะไร
ตั้งใจหักกิ่งไม้ตามทาง เรื่อยไป เข้าป่าลึก
ไกลมากแล้ว ลูกชายวางแม่ลงบนโขดหิน แล้วหันหลังเดินกลับทางเดิมไป ...
ตอนนี้เอง ที่แม่ตะโกนตามหลังลูกชายไปว่า ...
"ลูกเอ๋ย เดินตามรอยกิ่งไม้ที่แม่หักไว้ให้นะจะได้ไม่หลงทาง.
วันอาทิตย์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2553
ความรู้ก็คือความรู้ ปิดกั้นไปแล้วได้อะไรขึ้นมา
ประเทศเผด็จการทั้งหลายจึงไม่ชอบคนรู้มาก รายการเกี่ยวกับความรู้จึงมีน้อย ยัดแต่รายการ
ละครบันเทิงเข้าไป ประชาชนยิ่งโง่ยิ่งดี เพราะปกครองคนโง่ง่ายกว่า"
วินทร์ เลียววาริณ
จากเรื่อง บางกะโพ้ง
วันศุกร์ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2553
เพราะชีวิตคนเรามีแค่ 21,900 วันเท่านั้น
คนเราอายุเฉลี่ย 60 ปี
1 ปี เท่ากับ 365 วัน
แสดงว่าแต่ละคนมีเวลาบนพื้นโลก 21,900 วัน
คิดปลีกย่อยไปกว่านั้นก็ 525,600 นาที
ลองนับเป็นสัปดาห์ อืม...ไม่เลว 3,120 สัปดาห์
แสดงว่า เรามีโอกาสเที่ยวในคืนวันเสาร์สามพันกว่าครั้งเท่านั้นเอง คิดแบบนี้แล้วไม่กล้าดูนาฬิกา
แทบเบือนหน้าจากปฏิทิน เพราะมันไม่ต่างอะไรกับการนับแถวหลังเพื่อรอวันลาโลก
เปล่าเลย ผมไม่ได้กลัวตาย ตรงกันข้าม ผมคิดว่าตลอดเวลาที่ใช้ชีวิตอยู่บนโลกนี้มันน้อยมาก
หากคำนวณในเชิงตัวเลข ยังมีหนังสืออีกหลายเล่มที่ยังไม่ได้อ่าน เพลงอีกหลายเพลงที่ยังไม่ได้ฟัง
หนังอีกหลายเรื่องที่ยังไม่เคยดู ความรู้สึกในใจมากมายที่ยังไม่เคยบอก
พื้นที่อีกหลายล้านตารางกิโลเมตรที่ยังไม่เคยไป
โอ๊ย...กลุ้ม สองหมื่นกว่าวันที่เราได้รับมามันน้อยเกินไปจริงๆ
และที่น่ากลุ้มไปกว่านั้น คือ ใช่ว่าทุกคนจะอยู่ถึง 60 ปี
แน่นอน 1 ปี ยังเท่ากับ 365 วัน
นั่นแสดงว่า บางคนไม่ได้มีเวลาอยู่บนพื้นโลกถึง 21,900 วันหรอกนะ
อาจไม่ถึง 3,120 สัปดาห์ซะด้วยซ้ำ
อุแม่เจ้า... 2 คืนวันเสาร์ที่จะได้ไปเที่ยวเหลือไม่ถึงสามพันแล้วเหรอเนี่ย
คิดแบบนี้แล้วต้องรีบยกนาฬิกาขึ้นมาดู กางปฏิทินออกกว้างๆ
เพราะนี่คือวันเสาร์ที่เราเหลือ...บนพื้นโลก
นี่เรากำลังอ่านอะไรบ้าบอ อยู่เนี่ยคิดมากไร้สาระ ฟุ้งซ่าน(รู้นะว่าพวกเธอคิดอยู่) ....
ไม่เลย นี่ไม่ใช่ปรัชญางี่เง่าอะไรทั้งนั้น หากเป็นความจริงที่เราไม่ค่อยได้มองมัน เอาล่ะ นี่คือ เรื่องจริงเรื่องหนึ่ง
ที่คนส่วนใหญ่มองข้ามมันไป งั้นสมมติว่าทุกคนอายุ 18 ปี แปลว่าใช้ชีวิตมาแล้ว 6,235 วัน และผ่านคืน
วันเสาร์มา ร้อยกว่าครั้ง ส่วนหน่วยนาทีนั้น...คำนวณเองบ้างซิว้อย!!!
เอาเวลาที่ใช้ไปนั้น หักลบกับเวลาที่(คาดว่าน่าจะ)เหลืออยู่ผลลัพธ์ที่ได้ เราจะยังไงกับมันดี
แต่น่าแปลก หลายคนยังยอมทำงานน่าเบื่อ นั่งเอาหัวตากแอร์ไปวันๆ ยอมให้คนที่ไม่ใช่พ่อใช่แม่จิกหัวใช้
เพื่ออะไรบางอย่างที่เราเรียกว่า เงินเดือน
บางคนทนเรียนอะไรก็ไม่รู้อยู่ 4 ปี ทั้งๆ ที่ก็ไม่รู้ว่าชอบหรือเปล่า รู้แต่ว่าแม่ชอบ ไม่ก็เห็นเพียงว่า
เพื่อนเรียน เพียงแค่ตอบตัวเองไม่ได้ว่าผมจะเป็นอะไรดี
บางคนแอบรักเขา ซุ่มเลิฟอยู่อย่างนั้น ปล่อยให้ความรู้สึกที่ดีลอยไปหาคนอื่น แต่กลับปล่อยให้หัวใจตัวเอง
เหลือแต่ความรู้สึกต่ำต้อยได้ทุกวัน ทุกวัน ทุกวัน
บางคนกินทิฐิเป็นอาหาร เก๊กใส่กันไปวันๆ ต่างฝ่ายต่างรอให้อีกฝ่ายง้อ คุณแน่ ผมแน่ งอนการกุศล
ประชดทำลายสถิติ เชิดหยิ่งชิงชนะเลิศ...ไอ้บ้า!!!
และอีกหลายคนนิยมกิจกรรม 'ฆ่าเวลา' ... ชีวิตมันว่างจัด ขนาดต้องนั่งฆ่าเวลากันเลย
บอกตรงๆ เห็นแล้วอยากตบกบาล เอ็งกำลังทำลายทรัพย์สินที่มีค่าที่สุดที่มนุษย์ทุกคนพึงจะมี
อีกหน่อยเราก็ตายจากกัน...แล้วนะ
ลองคิดแบบนี้บ้าง...ใช่แล้ว...เราจะเกิดความเสียดายเพราะเหลืออีกหมื่นแสนล้านอย่างที่ี่เราไม่ได้ทำ
ตายได้ยังไงหากฝันไม่สำเร็จ...ไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่ยอมตาย
แต่ให้รีบทำทุกอย่างก่อน ที่จะตาย...ซึ่งจะเป็นวันไหนก็ไม่รู้
เคยสงสัยมั้ย... ทำไมเราถูกกำหนดไม่ให้รู้วันตายของตัวเองเพราะมันจะทำให้เราไม่แยแสทุกสิ่งทุกอย่าง
และตอบสนองความต้องการของตัวเอง ทั้งในทางดีและทางชั่ว
และในเมื่อเราไม่รู้ว่าเมื่อไหร่...มาเตรียมการรอรับวาระสุดท้ายของเราดีกว่า เอาแบบว่าถ้าตาย
วันพรุ่งนี้ก็จะได้นอนตาหลับ เกิดโชคดีไม่ตายขึ้นมาเราก็จะได้กำไรในการอยู่ต่อเพื่อทำสิ่งดีที่ยังค้างคา
ใช้ชีวิตโดยคิดซะว่า...พรุ่งนี้ชั้นจะตายแล้ว
ทำในสิ่งที่เรารัก เสมือนว่าเราจะไม่ได้ทำมันอีก
ตามฝันของเราไปสุดโต่ง...ต้องรีบแล้ว...เดี๋ยวตายยนะ...เตือนแล้วไง
รักให้หมดใจ บอกเขาไปทั้งหมดที่ความรู้สึกมี ส่วนจะรักหรือไม่รักผม ไม่สนว้อย...
เพราะพรุ่งนี้ชั้น(อาจจะ)ตายแล้ว
ใช้เวลา(ที่อาจจะ)สุดท้ายที่มีต่อกันไว้ กอดกันเหมือนว่านี่เป็นกอดสุดท้ายของเรา
นุ่มนวลที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะอย่างน้อยๆ เราจะได้มีสีหน้าที่ยิ้มแย้มตอยให้สัมภาษณ์ยมบาล
คนข้างบ้านเดินหน้าแป้นแล้นมาบอกกข่าวดี ลูกสาววัย 23 กำลังจะแต่งงาน ในมือมีซองสีชมพูพร้อม
การ์ด ลูกสาวอยู่ต่างจังหวัดกับคู่หมั้น แม่เลยต้องมาแจกการ์ดเอง แต่เมื่อกี๊นี้ว่าที่เจ้าสาวเพิ่งโทร.มา
ปรึกษาแม่เรื่องชุดแต่งงาน หลังจากนั้น 3 ชั่วโมง เธอตาย... แต่กว่าที่คนเป็นแม่จะได้รู้ข่าวร้าย ก็
ปาไป 5 วัน ซองในมือผมกลายเป็นเงินช่วยงานศพ ช่อดอกไม้กลายเป็นพวงหรีดและทั้งหมดกลายเป็น
แรงบันดาลใจที่อยากจะบอกว่าอีกหน่อยเราก็ตายจากกัน...แล้วนะ
อ้าว!!! รู้งี้ยังจะมาอ้อยสร้อยอะไรกันอีก รีบแยกย้ายไปใช้เวลาที่เราเหลืออยู่ทำทุกอย่างที่เรายังไม่ได้ทำ
เดี๋ยวตายซะก่อน...เสียดายแย่!!!
เครดิต : น้าเน็ค






























